วิบากกรรมแห่งการไปเมืองจีน

ถอดเทปจากบันทึกของ ประดิษฐ์ ดำรงค์วานิช ขณะอายุ 77 ปี

TN_pradit01s.JPG (3620 bytes)

ตอน10 "ความรักระหว่างคนกับควายเฒ่า"

บุพเพสันนิวาส คำนี้หมายความว่าบุพกรรมที่เคยสะสม มาแต่ชาติปางก่อน คำนี้จะมีจริงหรือไม่ขณะนั้นเราไม่ทราบแต่เมื่อ ได้มาเมืองจีนและได้รับมอบหน้าที่ให้มาเลี้ยงควายเฒ่าตัวนี้แล้วก็ให้ถูก ชะตาเสียเหลือเกิน เรารักมันมันก็รักเรา เราจะใช้มันทำอะไรซึ่งมัน สมองมันก็มีอยู่นิดหน่อย แต่คล้ายๆมันก็รู้ภาษาคนอะไรก็ปานนั้น รวมทั้งมันรู้ดีรู้ชั่วรู้กาลอันควรไม่ควรด้วยมันสมองน้อยๆของมันเป็น ต้น ทำให้เรารู้สึกถูกชะตากับมันมีจิตใจรักมันและมันก็มีจิตใจตอบ ต่อเรา เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีเวลาว่าง เราจะต้องถอนหญ้าเกี่ยว หญ้าอะไร ติดไม้ติดมือใส่ในถุงไปเสมอเพื่อเป็นอาหารแก่มัน ควาย เป็นสัตว์ที่ไม่ต้องการอะไรนอกไปจากอาหารหญ้าอ่อนเพื่อบรรเทา ความหิวและเลี้ยงชีวิตมันเท่านั้น ส่วนยุงนั้นรู้สึกว่าเมืองจีนแทบจะ ไม่มีเลย เพราะเหตุว่าตามชนบทของเมืองจีนนั้นรู้สึกว่าจะไม่มีท่อ ระบายน้ำเสียหรืออาจจะมีก็มีนิดๆหน่อยๆ ไม่มีน้ำขังพอที่จะเป็นที่ เพาะยุงได้เลยและยิ่งกว่านั้นรอบๆเฮียลี้เรายังเต็มไปด้วยลำคลอง ซึ่งสันนิษฐานว่าจะใช้แรงคนขุด เพื่อใช้เป็นน้ำล้อมรอบเฮียลี้ ยิ่ง กว่านั้นอาจจะเป็นที่ต่ำซึ่งน้ำนานๆจะเห็นมันเหือดแห้งขอดคลอง สักทีหนึ่ง ปกติแล้วมันจะไม่ขอดคลองเลยมีน้ำให้ใช้ตลอดเวลา เพราะน้ำฝนหรือจะเป็นด้วยน้ำเขาสูบจากแม่น้ำซึ่งเขาเป็นคลองขุดซึ่ง เขาแข่งเรือมังกรกัน เราไปเมืองจีนจำได้ว่าได้ไปดูเขาแข่งเรือมังกร กัน 2-3 ครั้งราวๆนี้แหละ เมื่อไม่นานมานี้มียุง ควายเฒ่าก็ไม่เดือด ร้อนเรื่องยุงก็ไม่จำเป็นจะจุดยากันยุงให้มันหรือสุมไฟอะไรให้มัน ถึง ว่าจะสุมเมืองจีนก็ไม่มีเชื้อไฟพอที่จะสุมเหมือนชนบทในเมืองไทยเรา เป็นแน่แท้ ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับควายเฒ่านับวันก็ยิ่งจำเริญ มากขึ้น จนกระทั่งถึงขนาดว่ารักกันปานจะกลืนกินขนาดนั้นเป็นต้น เพราะเราจะกอดมัน มันก็จะหัวดุนเราอย่างนั้นเป็นต้น ได้กล่าว แล้วว่าควายเราตอนขากลับ ขาไปรู้สึกว่าจะไม่ได้พบควายหนุ่มที่ เป็นคู่อริของควายเฒ่าเราเลย แต่ขากลับมักจะพบกันที่ทางสาม แพร่งหรือสี่แพร่งอะไรเราก็จำไม่ค่อยได้ เพราะเป็นทางร่วมจะต้อง มาเฮียลี้เราเหมือนกัน และการพบกันทุกๆครั้งมันก็จะรี่เข้าหากัน ส่วนมาก ควายหนุ่มก็จะท้าและวิ่งเข้าหาควายแก่ทันทีเลย ควาย แก่แม้นจะไม่เป็นผู้ก่อก่อนแต่ก็ตั้งท่ารับเต็มที่ เมื่อเห็นควายหนุ่มรี่ เข้ามาไม่ยอมแพ้ ควายเฒ่าเราแม้นจะแก่ถึงขนาดแล้วแต่ก็ใจสู้ เหลือเกิน ทั้งๆที่การขวิดกันแต่ละครั้งควายเฒ่าเราก็จะได้รับแผล โดยเสมอมาทุกๆครั้ง เพราะเขาของควายหนุ่มมันแหลมคมเสีย เหลือเกิน เขาของควายเฒ่าเราไม่คมเลย มันทู่และกว้างส่วนของ มันนั่นแคบแต่ว่าแหลมคม แม้นกระนั้นควายเฒ่าเราก็สู้เสียยิบตา ไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว อย่างนี้เป็นความกล้าหาญแต่ดั้งเดิม ของมัน หรือจะกล่าวนัยหนึ่งว่าเป็นนักสู้ที่ยิ่งยงตัวหนึ่งปานนั้น ทั้งๆที่แก่แล้วก็จริงอยู่ เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเรากับควายเฒ่า เจริญงอกงามมากขึ้น และตัวเรานิดเดียวเราก็ชอบไปนั่งอยู่ระหว่าง เขาบนคอ ส่วนขานั้นก็พาดบนเขามัน ตีนก็คุ้ยถึงคางมัน ซึ่งมันก็ ไม่ได้รังเกียจเราเลยมันเต็มใจให้เรานั่งไปตลอดทั้งๆที่มันจะกิน หญ้ากินอะไรเราก็จะนั่ง แต่ว่าตอนกินหญ้ามันจะไม่สะดวกหน่อย เราก็จะไปเล่นขณะที่มันกินหญ้าก็น้อยครั้งที่เราจะไปนั่งระหว่างเขา ควายมัน แต่ถ้าว่าทั้งขาไปและขากลับเรากลับนิยมชมชอบนั่ง ระหว่างเขามันและมันก็เป็นควายที่รู้ทางตัวหนึ่ง เราจะบอกให้มัน เลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายหรืออะไร มันก็สามารถไปได้ประหนึ่งว่ามันรู้จัก ภาษาคน แต่ก็พูดกับเราไม่ได้ ร้องได้คำเดียวว่าแง้วๆๆแล้วก็ทำท่า ทำทางให้รู้ถึงความต้องการของมัน เราก็พยายามตีความหมายและปฏิบัติให้ได้อย่างนี้เป็นต้น อยู่มาวันหนึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งขาเดิน ทางกลับ เกือบๆจะถึงทางสามแพร่งหรือสี่แพร่ง เรานั่งเพลินไปไม่ ได้ปีนไปนั่งหลังมันเหมือนทุกวันที่เคยมา บังเอิญวันนั้นประจวบ เหมาะพบควายหนุ่มเปลี่ยวตัวคู่อริของมันพอดี มันก็รี่เข้ามาแต่ แทนที่ควายเฒ่าของเราจะตั้งเขารับ เปล่าเลยมันรู้อยู่ว่าเราซึ่งเป็น คนที่มันรักที่สุดคนหนึ่งจะเป็นอันตราย มันก็วิ่งลงถนนไปเลย แม้น กระนั้นก็ไม่วายที่สีข้างและสะโพกมันถูกควายหนุ่มตัวนั้นขวิดจน เลือดไหลซิบๆๆ อารามที่เราตกตะลึงในขณะนั้น เมื่อได้สติพอดี ควายเฒ่ามันส่งให้เราลงทางปากมัน เราก็รีบกระโดดแผวลงไป ไอ้ ควายเฒ่าก็รีบหันกลับตัวมา พร้อมกับไล่ตามไอ้ควายหนุ่มคู่อริจะ ไปขวิดข้างหลังมันมันก็เอี้ยวตัว กลับมาขวิดกันเป็นการใหญ่เลย วันนั้น ขวิดกันมากกว่าทุกครั้ง เพราะกว่าที่เจ้าของมันจะมาดึงออก แล้ว เราหรืออาเจ๊อั้งจะไปดึงควายเฒ่าออกก็เป็นเวลานานพอควร เลย เพราะฉะนั้นควายเฒ่าของเราจึงเจ็บที่สีข้างและสะโพกและ นัยน์ตาและลำคอเลือดออกอีกเยอะเลยในวันนั้น นับว่าเจ็บมากกว่า ทุกครั้งที่ผ่านมา เมื่อกลับไปในวันนั้นแทนที่เราจะหยุดฟังเขาเรียน หนังสือกันที่โรงเรียนดั่งเช่นทุกวันที่เคยปฏิบัติมา แต่ในวันนั้นเรา ไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปฟังเสียงสวรรค์ซึ่งเราเคยเคลิบเคลิ้มเป็นประจำ ทุกๆวัน เรากลับบ้านทันที เมื่อกลับไปถึงเราก็ไปขอยาอาซี้ซิ้ม แก ก็พยายามหาให้และนำไปใส่ให้ควายเฒ่าซึ่งเรารักที่สุดแล้ว มันก็รัก เราที่สุดเหมือนกัน นับว่ามันก็มีความกตัญญู และความรักต่อเราไม่ น้อยไปกว่าที่เรามีความรักและสงสารมันเหมือนกัน อาอั่งเจ๊ก็นำ พฤติกรรมไปเล่าให้ใครต่อใครฟัง ซึ่งทุกคนก็พากันสรรเสริญควาย เฒ่าตัวนี้ว่า มันมีความกตัญญูต่อเราไม่น้อยไปกว่าที่เราเลี้ยงมัน และรักมัน พฤติกรรมอันนี้เล่ากันต่อๆไป ปากต่อปากจนกระทั่งรู้ หมดทั้งหมู่บ้านเลย หลังจากวันนั้นเราก็เพิ่มความรักมันยิ่งขึ้นและ หาวิธีการตอบแทนมันโดยพามันไปกินหญ้าที่กงพุ้ง ซึ่งเป็นที่ฝังศพ สาธารณะไม่มีใครเป็นเจ้าของ ในเมื่อไม่มีใครเป็นเจ้าของหญ้าก็เลย ขึ้นรกเต็มหมดและยิ่งกว่านี้เขาลือกันว่ามีผีดุ ที่นั่นผีดุมากเลยก็เลย ไม่มีใครกล้าไป เราจำได้ว่าอาอั่งเจ๊พาเราไปครั้งหนึ่งแล้ว บังเอิญเรา ไปเหยียบโลงยุบลงไป ส่วนควายนั่นมันเหยียบอยู่เรื่อยๆ เพราะ โลงศพที่ฝังไว้ เขาฝังกันตื้นๆ เราเหยียบปรุลงไปจนกระทั่งขา ถลอก อาเจ๊อั้งก็บอกว่าผีๆๆๆ เราก็เกิดความกลัวขึ้นมารีบกระโดด ขึ้นหลังควายพร้อมกับไล่ให้มันกลับ เพราะหญ้ามันน่ากินเหลือเกิน มันคงกินจนติดใจ เพราะที่เมืองจีนทุกๆแห่งหาหญ้าไม่ได้มากๆ อย่างเนี้ยะ มีแต่เล็มอยู่นิดๆหน่อยๆค่อยๆเก็บเล็กผสมน้อยกินไป เท่านั้นเอง เราจึงตีมันเพื่อให้มันจากไปให้ได้ มันก็ไม่ยอมไป มันติด ใจในรสหญ้าอ่อน เราก็ตีมันหลายๆครั้ง ทำให้รู้สึกเห็นใจ มันทน ไม่ได้มันก็ผละจากไปและไปตามทางที่เราเคยพามันมานั้น ควาย เฒ่าตัวนี้มันแสนรู้จริงๆ ทางไปทางมาเราไม่ต้องบังคับมันเลย มัน จำทางได้ดี ก็ไปกันทุกวันๆ ไปทางไหนมาทางไหนความจำของมัน แม้นจะแก่เฒ่าแล้วก็ยังดี เพื่อเป็นการตอบแทนควายเฒ่าตัวนี้ เราก็ พยายามอ้อนวอนอาอั่งเจ๊ให้พาเราไปให้ได้ อาอั่งเจ๊ก็บอกว่าผีมันดุ นะไม่ยอมไป เราก็อ้อนวอนแล้วอ้อนวอนอีก แกก็เขกหัวเรา อ้อน วอนหนักๆเข้ารำคาญแกก็เขกหัว หลายวันเข้าแกอดรนทนไม่ได้ แกก็พาไป ไปถึงควายเฒ่าก็ดีใจเหลือเกิน ทั้งควายเฒ่าควายรุ่น กระทงที่อาอั่งเจ๊เป็นคนเลี้ยงกินกันเป็นการใหญ่ เราก็ไม่ยอมลง จากหลังควายเลย อาอั่งเจ๊ก็ไม่ยอมลง ให้มันกินอยู่พักใหญ่ๆ จน กระทั่งมันเกือบจะอิ่มแล้วเราก็บอกว่า เฮ้ยให้กลับซึ่งคำพูดนี้พูด เป็นภาษาจีน ขณะนั้นพูดอยู่บ่อยๆ แต่ขณะนี้จำไม่ได้แล้ว ไม่ทราบ ว่าพูดว่าอย่างไร สำหรับในครั้งนี้มันกินพอแล้ว มันจึงไม่ขัดขืนต่อ เรา บอกให้กลับมันก็นำหน้ากลับเลย ส่วนไอ้ควายเด็กตัวนั้นยังไม่ยอมกลับ อาอั่งเจ๊ต้องบังคับแล้วบังคับอีก หลังจากนั้นอาอั่งเจ๊ก็ ยอมพาเราไปทุกวันเพราะไม่เปลืองเวลาที่ให้ควายกิน


home-mov.gif (3319 bytes)
หนังสืออนุสรณ์ | ภาพงานพระราชทานเพลิง | ญาติ | LINK
มีปัญหา ติ ชม แจ้งข้อบกพร่อง ที่ <pirachai@hotmail.com>
Copyright ? 2002 All rights reserved.
Revised: 20 พฤษภาคม 2002..